ile-de france
พระราชวังแวร์ซาย (Château de Versailles) พระราชวังที่ถือว่าหรูหราที่สุดในยุโรปแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (Louis XIV) หรือที่คนชอบเรียกกันว่า กษัตริย์แห่งพระอาทิตย์ เงินที่ใช้ก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์แห่งนี้ได้นำมาจากการเก็บภาษีของชาวฝรั่งเศส ต่อมาจึงได้เกิดการปฏิวัติบุกเข้ายึดพระราชวังและจับพระนางมารีอองตัวเนต (Marie Antoinette) ประหารด้วยกิโยตินในวันที่ 16ตุลาคม พ.ศ. 2332 แม้เวลาผ่านไปหลายร้อยปีเราก็ยังสามารถมโนภาพความฟุ่มเฟือยของขุนนางในยุคนั้นได้ดีเลยทีเดียว
ภายในประกอบด้วยห้องขนาดเล็ก-ใหญ่ที่หรูหรา ซึ่งเคยเป็นที่อาศัยของเชื้อพระวงศ์และข้าราชบริพาร แทบจะไม่มีคำใดสามารถบรรยายความงดงามของโคมระย้าในห้องกระจก (Galerie des Glaces หรือ The Hall of Mirrors) ที่เป็นห้องที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเพราะเคยใช้เป็นห้องลงพระนามในสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตรกับจักรวรรดิเยอรมันหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อปีคริสต์ศักราช 1919 สวนในพระราชวังแวร์ซายนั้นได้รับการดีไซน์โดย Le Nôtre สถาปนิกที่มีชื่อเสียง ภายในสวนตกแต่งด้วยประติมากรรมชั้นสูง น้ำพุ และรูปปั้นของเทพเจ้ากรีก
ช่วงบ่ายเราได้กลับกันมาที่กรุงปารีสเพื่อเริ่มต้นสำรวจความสวยงามและความมหัศจรรย์ของเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเมืองแห่งความรักอย่างแท้จริง เริ่มเดินจากโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในปารีส โบสถ์แซงแชกแมงก์เดเพรส (St-Germain-des-Prés) และหอคอยนาฬิกาที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 11ไปหยุดพักดื่มกาแฟกันในร้าน Brasserie Lippหนึ่งในสามร้านที่หรูหราที่รู้จักกันในนามเดอะโกลเด้นทรีแองเจิ้ล อีก 2 ร้านชื่อว่า Les Deux Magots และ Café de la Flore ที่นี่เขาตกแต่งร้านอย่างงดงาม หากคุณโชคดีได้นั่งตรงระเบียงก็จะได้มองดูผู้คนที่สวยงามเหมือนได้ดูแฟชั่นบนรันเวย์ หลังจากนั้นก็ขึ้นรถไฟใต้ดินไปชมสถาปัตยกรรมแปลกๆ ที่ปงปีดู (Centre Pompidou) แล้วขึ้นรถไฟใต้ดินอีกครั้งเพื่อไปเยี่ยมชมมหาวิหารซาเครเกอร์ (Sacré Coeur Basilica) ด้านหน้าของโบสถ์สีขาวแห่งนี้สามารถมองเห็นวิวที่งดงามของกรุงปารีสได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
ห้องกระจก
ห้องกระจก (Galerie des Glaces หรือ The Hall of Mirrors) เป็นห้องที่มีชื่อเสียงมากที่สุดซึ่งเคยใช้เป็น ห้องลงนามในสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตรกับจักรวรรดิเยอรมัน ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และใช้เป็นที่ลงนาม ในเมื่อเยอรมนีบุกตีชนะฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ห้องนี้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงทำการก่อสร้างเอง ภายในห้องประกอบด้วยกระจกยักษ์ 17 บาน เปิดออกแล้วจะเห็นสวนแวร์ซายอันสวยงาม
ile-de france
ช่วงบ่ายเราได้กลับกันมาที่กรุงปารีสเพื่อเริ่มต้นสำรวจความสวยงามและความมหัศจรรย์ของเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเมืองแห่งความรักอย่างแท้จริง เริ่มเดินจากโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในปารีส โบสถ์แซงแชกแมงก์เดเพรส (St-Germain-des-Prés) และหอคอยนาฬิกาที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 11ไปหยุดพักดื่มกาแฟกันในร้าน Brasserie Lippหนึ่งในสามร้านที่หรูหราที่รู้จักกันในนามเดอะโกลเด้นทรีแองเจิ้ล อีก 2 ร้านชื่อว่า Les Deux Magots และ Café de la Flore ที่นี่เขาตกแต่งร้านอย่างงดงาม หากคุณโชคดีได้นั่งตรงระเบียงก็จะได้มองดูผู้คนที่สวยงามเหมือนได้ดูแฟชั่นบนรันเวย์ หลังจากนั้นก็ขึ้นรถไฟใต้ดินไปชมสถาปัตยกรรมแปลกๆ ที่ปงปีดู (Centre Pompidou) แล้วขึ้นรถไฟใต้ดินอีกครั้งเพื่อไปเยี่ยมชมมหาวิหารซาเครเกอร์ (Sacré Coeur Basilica) ด้านหน้าของโบสถ์สีขาวแห่งนี้สามารถมองเห็นวิวที่งดงามของกรุงปารีสได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
ห้องกระจก
ห้องกระจก (Galerie des Glaces หรือ The Hall of Mirrors) เป็นห้องที่มีชื่อเสียงมากที่สุดซึ่งเคยใช้เป็น ห้องลงนามในสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตรกับจักรวรรดิเยอรมัน ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และใช้เป็นที่ลงนาม ในเมื่อเยอรมนีบุกตีชนะฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ห้องนี้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงทำการก่อสร้างเอง ภายในห้องประกอบด้วยกระจกยักษ์ 17 บาน เปิดออกแล้วจะเห็นสวนแวร์ซายอันสวยงาม
ภูมิประเทศ
แวร์ซายตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงปารีส ห่างจากจุดศูนย์กลางของกรุงปารีสมา 17.1 กิโลเมตร ตัวเมืองตั้งอยู่บนที่ราบสูง สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 130 ถึง 140 เมตร (กรุงปารีสสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางเพียง 33 เมตร) ล้อมรอบด้วยเนินเขาที่เต็มไปด้วยป่าไม้ โดยป่าทางตอนเหนือของเมืองเรียกว่า ป่ามาร์ลี่และ ป่า Fausses-Reposes ส่วนทางตอนใต้ของเมืองมีป่าซาโทรี่ และ Meudon เขตเมืองแวร์ซายมีพืนที่ 26.18 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นหนึ่งในสี่ของพื้นที่ของเขตกรุงปารีส ในปีค.ศ. 1999 เมืองแวร์ซายมีอัตราความหนาแน่นของประชากรที่ 3,344 คนต่อตารางกิโลเมตร เทียบกับกรุงปารีสที่มีความหนาแน่น 20,696 คนต่อตารางกิโลเมตร เนื่องจากเมืองแวร์ซายในปัจจุบันเป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นตามคำสั่งของพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่ เมืองจึงมีผังเมืองที่เป็นระบบและสมมาตร โดยเมื่อเทียบกับมาตรฐานในการออกแบบเมืองในศตวรรษที่สิบแปด เมืองแวร์ซายจัดได้ว่าเป็นเมืองที่ทันสมัยอย่างมาก นอกจากนี้เมืองแวร์ซายเองยังถูกนำไปเป็นแม่แบบในการออกแบบกรุงวอร์ชิงตัน ดีซี โดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส Pierre Charles L'Enfant
แวร์ซายตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงปารีส ห่างจากจุดศูนย์กลางของกรุงปารีสมา 17.1 กิโลเมตร ตัวเมืองตั้งอยู่บนที่ราบสูง สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 130 ถึง 140 เมตร (กรุงปารีสสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางเพียง 33 เมตร) ล้อมรอบด้วยเนินเขาที่เต็มไปด้วยป่าไม้ โดยป่าทางตอนเหนือของเมืองเรียกว่า ป่ามาร์ลี่และ ป่า Fausses-Reposes ส่วนทางตอนใต้ของเมืองมีป่าซาโทรี่ และ Meudon เขตเมืองแวร์ซายมีพืนที่ 26.18 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นหนึ่งในสี่ของพื้นที่ของเขตกรุงปารีส ในปีค.ศ. 1999 เมืองแวร์ซายมีอัตราความหนาแน่นของประชากรที่ 3,344 คนต่อตารางกิโลเมตร เทียบกับกรุงปารีสที่มีความหนาแน่น 20,696 คนต่อตารางกิโลเมตร เนื่องจากเมืองแวร์ซายในปัจจุบันเป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นตามคำสั่งของพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่ เมืองจึงมีผังเมืองที่เป็นระบบและสมมาตร โดยเมื่อเทียบกับมาตรฐานในการออกแบบเมืองในศตวรรษที่สิบแปด เมืองแวร์ซายจัดได้ว่าเป็นเมืองที่ทันสมัยอย่างมาก นอกจากนี้เมืองแวร์ซายเองยังถูกนำไปเป็นแม่แบบในการออกแบบกรุงวอร์ชิงตัน ดีซี โดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส Pierre Charles L'Enfant







ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น